ธาตุอาหาร - An Overview

มีความสำคัญต่อพืชคือ ทำหน้าที่ส่งเสริมให้พืชสร้างวิตามินเอ เกี่ยวข้องโดยทางอ้อมในขบวนการสร้าง chlorophyll ป้องกันมิให้ chlorophyll ที่สร้างขึ้นแล้วถูกทำลายไปและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญใน enzyme บางชนิดเมื่อขาดธาตุทองแดงใบจะมีสีเขียวเข้มจนผิดสังเกตแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนในที่สุดพืชหยุดชะงักการเจริญเติบโต แต่ถ้าขาดทองแดงมากๆ ใบและกิ่งของพืชจะแห้งและร่วง

เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน วิตามินและโปรตีน ช่วนสร้างคลอโรฟิลล์ ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของรากและเมล็ดพืช ทำให้พืชแข็งแรงและทนต่อความเย็น

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ

ข้อมูลการบริการ ข้อมูลสถิติการให้บริการ

เป็นธาตุสุดท้ายที่คนค้นพบว่ามีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชและเป็นธาตุที่พืชต้องการน้อยที่สุด พืชที่ขาดบ่อยๆ ก็มักเป็นพวกพืชสวนครัว เมื่อพืชขาดโมลิบดินัมขอบใบจะม้วนขึ้นตามบริเวณเส้นใบจะมีบางส่วนเหลือง บางส่วนเขียว เรียกว่า diffuse interveinal mottling ปลายใบมีรอยไหม้โดยเฉพาะใบแก่ ระยะต่อมาใบแก่และใบอ่อนก็จะเหี่ยวและในที่สุดพืชก็จะตายไป

          อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตาย และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้วๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน ธาตุอาหาร แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือฉีดพ่นธาตุอาหารแคลเซียม-โบรอน เสริมทางใบเพื่อให้พืชติดผลง่ายขึ้น และทำให้ขั้วดอกแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย

ขาดธาตุกำมะถัน การเจริญเติบโตช้าลง ใบมีสีเหลืองซีดจนถึงสีขาว ยอดผลชะงักการเจริญเติบโต ใบและลำต้นไม่สมบูรณ์ หากขาดรุนแรงมาก อาจก่อให้เกิดอาการเหี่ยวและลำต้นเล็กลงได้ สภาพพื้นที่ที่มีความเสี่ยง คือ พื้นที่ที่มีอินทรียวัตถุน้อย เช่น พื้นที่แห้งแล้ง พื้นที่ที่มีฝนตกปานกลาง-หนักมาก

สภาวะขาดแคลน: มีการเจริญของตายอดและลำต้นไม่สมบูรณ์ มีการเปลี่ยนสีของใบอ่อนเป็นสีเหลือง เส้นใบเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูขาวจาง ลักษณะใบเหี่ยวเฉาและร่วงโรยได้ง่าย

ช่วยสังเคราะห์ฮอร์โมนออกซิน คลอโรฟิลล์และแป้ง ควบคุมการย่อยน้ำตาลของพืช เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานขอเอนไซม์ที่มีส่วนในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช และจำเป็นต่อการเปลี่ยนสภาพของคาร์โบไฮเดรต

ขอบใบเริ่มมีสีเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มต้นจากปลายใบเข้าสู่กลางใบต่อมาส่วนที่เป็นสีน้ำตาลก็จะเหี่ยวแห้งไปซึ่งเรียกกันว่า firing หรือ scorching

กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โพแทสเซียมสามารถละลายน้ำได้ดี จึงทำให้อาจโดยชะล้างออกไปจากดินโดยเฉพาะพื้นที่ลักษณะเป็นหินหรือทราย

         คอลรีนมีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสง มีผลทำให้พืชแก่เร็วขึ้น พืชที่ขาดธาตุคลอรีนใบจะซีด เหี่ยว และใบสีเหลืองบรอนซ์ ถ้ามีคลอรีนมากเกินไปจะทำให้ขอบใบแห้ง ใบจะเหลืองก่อนกำหนด

          อาการขาดแมกนีเซียมจะสังเกตได้จากใบพืช ที่เหลืองซีดบริเวณเส้นกลางใบ ถ้าหากอาการขาดรุ่นแรงใบแก่จะมีอาการมากกว่าใบอ่อน การขาดธาตุแมกนีเซียม จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลงและต้นพืชทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่พืชขาดธาตุแมกนีเซียมนั้น เพราะปริมาณแมกนีเซียมที่อยู่ในดินถูกชะล้างลึกลงไปเกินกว่าที่รากพืชจะดึงดูดมาใช้ได้ และการที่มีปริมาณโปแตสเซียมสะสมในดินมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *